ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว

Lophophola หรือโลโฟเป็นกระบองเพชรไม่มีหนาม แถมยังตัวนุ่มนิ่ม น่ากอด..ไม่ใช่ละ ตัวนิ่มอ้วนและนุ่มมือมาก ๆ สาว ๆ ที่ไม่ชอบหนาม มักจะหลงรักโลโฟได้ง่าย ๆ เพราะนอกจากตัวนิ๊มนิ่มแล้ว ยังมีดอกน่ารัก ๆ สีหวาน ๆ ตั้งแต่สีขาวครีม สีชมพูอ่อน ไปจนถึงสีชมพูเข้ม ซึ่งสีของดอกสามารถบอกได้ว่าเป็นโลโฟชนิดไหนอีกด้วย ไม่หลงรักไม่ได้แล้ว

สายพันธุ์โลโฟ แบ่งเป็น 5 ชนิด แต่ละชนิดมีความสวยงามแตกต่างกันไป 

  1. Lophophora williamsii วิลเลี่ยมซิอาย หรือวิลเลี่ยม
  2. Lophophora diffusa ดิฟฟูซ่า
  3. Lophophora koehresii  เคอเรสซิอาย
  4. Lophophora fricii  ฟริซิอาย หรือฟริซิ
  5. Lophophora jourdaniana จอแดเนียน หรือจอแดน
ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 02

   แต่การจะแยกโลโฟว่าเป็นชนิดไหน เป็นเรื่องค่อนข้างยาก ต้องดูจาก รูปทรงลำต้น หน้ายับหรือหน้าตึง สีผิว สีดอกและสีฝัก ฉะนั้นเห็นแว๊บแรกจะให้ตอบว่าเป็นโลโฟชนิดไหน จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ใครที่เริ่มเลี้ยงโลโฟมักจะสับสนและมักจะพบคำถามที่ถามบ่อยว่า “ต้นนี้คือโลโฟชนิดไหน” ในหน้า face book อยู่เสมอ ๆ 

  นอกจากธรรมชาติของโลโฟที่ดูยากว่าเป็นชนิดไหนแล้ว ในปัจจุบันบางส่วน ผู้เลี้ยงทั้งสมัครเล่นและมือเก่ามักมีการผสมข้ามไปข้ามมา จนลูกที่ออกมากลายเป็นลูกผสมไปหมด แต่ก็ยังมีนักเลี้ยงหลายคนที่ไม่ผสมข้ามสายพันธุ์ เพื่อรักษาสายพันธุ์ดั้งเดิมไว้ (อ่านสายพันธุ์ Lophophola)

โดยส่วนตัวแล้ว เท่าที่เลี้ยงกระบองเพชรมาหลายปี โลโฟเป็นกระบองเพชรที่เลี้ยงยากที่สุด เป็น item ท้าทาย ซึ่งหลายครั้งก็ทำเอาแทบถอดใจอยู่เหมือนกัน เพราะสภาพภายนอกดูด้วยสายตาค่อนข้างยากว่าตอนนี้นางสมบูรณ์ดีหรือกำลังป่วย ทดสอบด้วยการบีบยิ่งไม่ตอบ เพราะตัวนางนิ่มเป็นปกติอยู่แล้ว เลี้ยงมาเป็นปีบางทีก็ไม่บอกลากันซักคำ มาเจอกันอีกทีก็ตัวเหลวไปเฉยๆ คือน้องเน่าในไปแล้ว ดังนั้น จึงใช้วิธีกำหนดวันรดน้ำกันเป๊ะ ๆ ว่ากี่วันรดที ซึ่งจะกี่วันรดนั้น ก็ขึ้นกับดินว่าโปร่งมากโปร่งน้อยแค่ไหน และถ้าช่วงไหนฝนตกบ่อย ๆ ก็จะทิ้งระยะการรดน้ำไปอีกหลายวัน เพื่อไม่ให้ดินชื้นเป็นเวลานาน ๆ 

ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 03

Lopho เจ้าซาลาเปาอ้วนที่ใคร ๆ พากันหลงรัก

โลโฟชอบตัวแห้ง ๆ จึงชอบดินโปร่งระบายน้ำได้ดี

ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 04

เนื่องจากน้อง ๆ โลโฟที่บ้านพากันป่วยตายไปหลายต้นในเวลาใกล้ๆ กัน จึงฉุกคิดได้ว่าน่าจะถึงเวลาเปลี่ยนดินให้น้องเสียทีได้แล้ว ความจริงควรเปลี่ยนดินทุก 1 ปีเป็นอย่างน้อย วันนี้จึงจับน้องๆ เรียงแถวแคะออกจากกระถาง เคาะดินเบา ๆ เอาแช่น้ำยาฆ่าเพลี้ยแป้งซะหน่อย ไหน ๆ ก็เปลือยรากแล้ว

ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 05

อาการที่เห็น ตัวยุบ ผิวย่น ช้ำในจนเห็นสีส้มๆ ออกมาที่ผิวภายนอก

ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 06

ดินแน่นและแฉะเกินไป และน่าจะมีเพลี้ยแป้งปะปนอยู่

ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 07

ตัวเหลือง..รากเปื่อยยุ่ย..เพราะจมอยู่ในความชื้นนานเกินไป

หวังว่าจะรักษาขีวิตไว้ได้ ..

เพราะจับทุกต้นมาเปลี่ยนดิน จัดแบบโปร่งที่สุดในสามโลกให้


ข่าวล่าสุดคือต้นนี้นางกลับดาวไปแล้วนะคะ เพราะอย่างที่บอกกว่าจะรู้ว่าป่วย 

อาการก็มักจะโคม่าแล้ว จึงไม่สามารถยื้อชีวิต

แต่นางก็ช่วยชีวิตเหล่าโลโฟที่เหลือเอาไว้

เพราะได้รับการเปลี่ยนดินกันถ้วนทั่วทุกกระถาง

ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 08

*กลับดาว ย่อมาจาก กลับดาวแคคตัส พูดง่าย ๆ คือตายแล้ว 

เป็นการใช้คำที่อ่อนโยนไม่ทำร้ายจิตใจผู้เลี้ยงจนเกินไป

ดินปลูกโลโฟ

ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 09

โลโฟชอบดินโปร่งมากกว่าแคคตัสชนิดอื่น ๆ ส่วนผสมที่ใช้ ดินใบก้ามปูร่อน 1 ส่วน หินภูเขาไฟและวัสดุปลูกอื่น ๆ 3 ส่วน 

วัสดุผสมดินปลูก Cactus มีอะไรบ้าง

การนำวัสดุปลูกชนิดต่างๆ มาผสมในดินก็เพื่อให้ดินมีความโปร่งร่วน มีช่องอากาศมากขึ้น ทำให้ดินปลูกระบายน้ำได้ดี ไม่แฉะและชื้นนานเกินไป วัสดุที่นิยมนำมาผสมในดินปลูกระบองเพชร ได้แก่

  1. หินภูเขาไฟ (Pumice)
  2. เพอร์ไรท์ (Perlite)
  3. เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite)
  4. ดินญี่ปุ่น
  5. ทรายหยาบ (ทรายก่อสร้าง)
ถึงเวลาเปลี่ยนดินโลโฟกันได้แล้ว 10

นอกจากส่วนผสมดังกล่าวแล้ว ก็อาจผสมปุ๋ยเกร็ดละลายช้า (ออสโมโค้ท) 

และสตาร์เกิลจีลงไปด้วยเพื่อจำกัดเพลี้ยะและแมลงศัตรูแคคตัส

บทความที่เกี่ยวข้อง เว็บสล็อตแตกง่าย 2021 ไม่ผ่านเอเย่นต์

Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *