แคคตัสในสกุลนี้มีอยู่มากมายกว่า 400 ชนิด และอีกหลากหลายสายพันธุ์ ชื่อสกุล Opuntia มาจากชื่อเมือง Opus ใน Greece ซึ่งเป็นแหล่งเติบโตของแคคตัสสายพันธุ์นี้
Opuntia มีลักษณะลำต้นเป็นใบกลมมน (Pad) มีหนามอยู่ที่ขอบปลายใบและกระจายอยู่บนใบ ดอกจะงอกที่ตุ่มหนามที่ปลายใบ (Pad) การเติบโต จะมีใบ (Pad) ใหม่งอกต่อจาก Pad เดิมขยายออกไปเรื่อย ๆ ถ้าต้นที่เกิดในธรรมชาติมีอายุมาก ก็จะขยายเป็นกอใหญ่ มีความสูงได้เกือบ 2 เมตร
ดอกของแคคตัสใสสกุลนี้ไม่มีก้านดอก ดอกมีหลายสี เช่น ขาว เหลือง ส้ม แดง และม่วงแดง เมื่อเป็นกอใหญ่จะมีดอกดกเต็ม ทำให้ดูสวยงาม
ผลมีลักษณะทรงกลมหรือรูปไข่ เมื่อแก่จะมีสีเหลืองถึงสีแดง ขนาดเส็นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 – 7.5 เซนติเมตร แคคตัสในสกุลนี้หลายชนิดสามารถผสมตัวเองจนเกิดผลและร่วงหล่นจนงอกเป็นต้นใหม่เองได้เช่น Opuntia fulgida
Opuntia บางชนิด ใบและผลนำมารับประทานได้
Opuntia ที่สามารถกินใบได้นั้นในในเม็กซิโกเรียกว่า “โนปาลิโต้ (Nopalito)” และถือเป็นพืชผักยอดฮิต มีการปลูก Opuntia ชนิดกินได้ขายกันเป็นเรื่องเป็นราว เพราะสามารถเติบโตได้ดีในพื้นที่แห้งแล้งซึ่งผักปลูกผักชนิดอื่นได้ยาก
การนำมารับประทาน จะตัดใบอ่อนและมากำจัดหนามออกก่อนที่จะนำไปใช้ทำอาหารต่อไป สามารถกินสดหรือปรุงสุกก็ได้ บางครั้งก็ใช้เป็นอาหารสัตว์ได้อีกด้วย เว็บสล็อต pg slot
Opuntia สายพันธุ์ที่นิยมกินผลนั้นเรียกกันว่า พริกลี่แพร์ (Prickly pear) แปลว่า ลูกแพร์หนาม หรือเรียกว่า กระบองเพชรมะเดื่อ (Opuntia ficus-indica)
ปัจจุบันมีแคคตัสสกุล Opuntia แพร่กระจายอยู่ในทวีปอเมริกา ยุโรป และแถบเมดิเตอร์เรเนียน สันนิฐานว่านักเดินเรือข้ามทวีปในสมัยก่อน นำต้น Opuntia ใส่ไว้เรือเพื่อเป็นเสบียง เพราะธรรมฃาติของกระบองเพชรสามารถทนสภาพไร้ดินได้นานหลายเดือนโดยไม่ตาย และเจริญเติบโตได้ในทุกสภาวะ เมื่อไปขึ้นฝั่งที่ไหนนำไปปลูกลงดินก็สามารถเติบโตเป็นต้นใหม่ ใช้เป็นอาหารต่อไปได้
www.thairath.co.th/news/society/1619095
หมายเหตุ บางข้อมูลบอกว่าส่วนที่เห็นเหมือนใบ(Pad) ของ Opuntia ความจริงแล้วคือ “กิ่ง”
สายพันธุ์ Opuntia ในประเทศไทย
ความจริง Opuntia มีการนำมาปลูกในประเทศไทยนานหลายสิบปีแล้ว เป็นกระบองเพชรที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดี แต่อาจจะไม่รู้ว่ามันคือกระบองเพชรสายพันธุ์หนึ่ง มีลำต้นสูงใหญ่ แตกกิ่งก้านออกไปจนมองไม่ออกว่าเป็นกระบองเพชร เพราะการเลี้ยงกระบองเพชรในปัจจุบัน เรามักจะคุ้นตากับกระบองเพชรต้นเล็ก ๆ อวบ ๆ และมีดอกมุ้งมิ้งน่ารัก ไม่เคยเห็นกระบองเพชรขนาดใหญ่โตแบบนี้มาก่อน เจ้าต้นที่ว่านี้คือ Opuntia Conchenillifera หรือบ้านเราเรียกว่า “ใบเสมา” หรือบางตำราเช่นใน Wikipedia เรียกว่า “นิ้วมือผี” (อ่าน ความเป็นมาของกระบองเพชรในประเทศไทย)
Opuntia Conchenillifera หรือ “ใบเสมา” นี้ นอกจากจะใช้ประโยชน์จากการปลูกประดับเป็นสัญญลักษณ์ของสวนทะเลทรายแล้ว ยังปลูกทำเป็นรั้วบ้าน เป็นอาหารเต่า และใบยังสามารถนำมาเป็นตอกราฟได้อีกด้วย (อ่าน 5 ขั้นตอนการกราฟแคคตัส)
Opuntia ยอดนิยมสำหรับ Cactus Lover ในบ้านเรา
shopee.com.my/Ready-Stock-Bunny-Ear-Cactus
Opuntia Microdasys มิ๊กกี้เม้าส์
Opuntia Microdasys ฝรั่งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Bunny Ears แต่คนไทยเรียก “หูมิ๊กกี้เม้าส์” เพราะมีหูยาว ๆ สองข้างเหมือน Micky Mouse Opuntia Microdasys เป็นขวัญใจของนักเลี้ยงมือใหม่เกือบจะทุกคน เพราะหน้าตา มุ้งมิ้ง มีเอกลักษณ์ เลี้ยงง่าย ราคาไม่แพง ขยายพันธุ์ด้วยการเด็ด Pad ปักชำ
ถึงแม้จะมีรูปทรงน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ หนามก็ดูไม่รุนแรงร้ายการอะไร แต่ความจริงแล้ว หนามเล็กๆละเอียดที่ซ่อนอยู่บนลาย Polka Dot นั้น ทำเอาเจ็บแสบกว่าหนามใหญ่ ๆ เสียอีก
หากเราเอามือไปเฉียดโดนเจ้า Opuntia เข้า เค้าจะฝังหนามเล็กละเอียดไว้ในผิวเรา ถึงแม้จะไม่เจ็บรุนแรงเหมือนกระบองเพชรที่หนามใหญ่และแข็ง แต่ความเล็กละเอียดของเค้าทำให้ยากที่จะเอาออก ต้องใช้ปากคีบคมๆ ดึงออกทีละน้อยจนกว่าจะหมด หลายคนที่ซื้อมาเพราะความน่ารัก อาจจะโยนทิ้งเพราะหนามของเค้ากันไปเลยก็มี
Opuntia Lufida
Opuntia อีกชนิดที่เป็นขวัญใจยอดฮิตของสาว ๆ คือ Opuntia Lufida นางดูมีความเป็นพี่ มีความเป็นสาวมากกว่า Opuntia Microdasys (มิ๊กกี้เม้าส์) ซึ่งมองดูเป็นสาวรุ่น ๆ และยังมีความราคาแพงกว่าอีกด้วย ในช่วง 2-3 ปีก่อน Lufida ที่เพาะเลี้ยงในไทยยังมีจำนวนไม่มาก ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น จึงมีราคาค่อนข้างแพง 1 Pad เคยขายกันในราคา 300-350 ก็มี เพราะมีค่าใช้จ่ายในการนำเข้า ปัจจุบันราคาถูกลงและหาซื้อได้ไม่ยาก
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว Opuntia ยังมีอีกหลายชนิด แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงชนิดที่นิยมปลูกเลี้ยงกันในบ้านเราเท่านั้น
ที่มา : intrend.trueid.net/north/nan
Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ดัมมี่